พูดถึงทะเลสาบหลายคนคงนึกภาพออก ถึงแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่แตกต่างกันไป แต่หากเติมคำว่า ปล่องภูเขาไฟมาต่อท้าย เชื่อว่าหลายคนคงจะสงสัยว่า ทะเลสาบบนปล่องภูเขาไฟมันจะเป็นไปได้อย่างไร เชื่อเหอะว่าสถานที่เหล่านั้นมีอยู่จริงไม่ได้มีแต่ในนิทาน หรือ นวนิยายแฟนตาซีเท่านั้น
อุทยานแห่งชาติ crater lake
สำหรับทะเลสาบบนปล่องภูเขาไฟนั้นมีชื่อว่า ทะเลสาบ Crater Lake ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติชื่อเดียวกันนี้ รัฐออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวรองรับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติเกือบตลอดทั้งปี จะมีปิดเป็นบางช่วงในตอนฤดูหนาวเท่านั้น
ทะเลสาบจากฝีมือของธรรมชาติ
ความน่าสนใจของทะเลสาบแห่งนี้ก็คือ ทะเลสาบที่ไปตั้งอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟ แน่นอนว่าการจะเกิดสภาพทางธรณีวิทยาแบบนี้ได้ต้องใช้เวลาหลายร้อยปีทีเดียว จากฝีมือผู้สร้างที่ชื่อว่า ธรรมชาติ สภาพทะเลสาบนี้อธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ได้ว่า เดิมทีภูเขาแห่งนี้เป็นภูเขาไฟทั่วไป จากนั้นเกิดการระเบิดขึ้นมาทำให้ยอดของภูเขาไปเป็นหลุมยุบลงไปจากนั้นหลุมดังกล่าวได้รับน้ำฝน น้ำค้าง และหิมะที่ตกลงไปในหลุมนั้นละลายสะสมกันมาเรื่อย เปรียบได้กับหลุมที่ธรรมชาติเติมน้ำลงไปอย่างต่อเนื่องเมื่อน้ำสะสมมากเข้าจึงเอ่อล้นกลายเป็นทะเลสาบอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟไปในที่สุด วัฏจักรนี้ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้อยู่สูงที่สุดในโลกหากวัดจากระดับน้ำทะเลอีกด้วย
ความสวยงามสองรูปแบบ
ทะเลสาบ crater lake ถือว่าเป็นทะเลสาบที่มีสองคาแรกเตอร์ในปีเดียวกัน หากเป็นช่วงอบอุ่นช่วงฤดูร้อน ช่วงนี้คนจะไปเที่ยวมากที่สุด ทะเลสาบแห่งนี้จะเป็นผืนน้ำสีฟ้าตัดกับต้นไม้สีเขียวโดยรอบปล่องภูเขาไฟ ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่สดชื่น เป็นธรรมชาติและน่าเดินเที่ยวเป็นอย่างมาก การได้มองทะเลสาบบนปากปล่องภูเขาไฟกระทบกับแสงแดดให้ความรู้สึกดีจริงๆ แต่หากเราไปช่วงหน้าหนาว ทะเลสาบแห่งนี้และบริเวณโดยรอบจะเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งเลยทีเดียว ทะเลสาบจะกลายเป็นสีขาวโพลนจากฝีมือของหิมะและความเย็น ถ้าไปในวันที่เย็นจัดทะเลสาบอาจจะกลายเป็นผืนน้ำแข็งขนาดใหญ่ รอบข้างจะเต็มไปด้วยสีขาวของหิมะปกคลุมโดยรอบให้ความรู้สึกหนาวเย็น หม่นหมอง เศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก
ร่องรอยอารยธรรมในอดีต
ไม่เพียงแค่สภาพธรรมชาติเท่านั้น เชื่อกันว่าบนปากปล่องภูเขาไฟที่อุดมสมบูรณ์แบบนี้ ในอดีตเคยมีกลุ่มคนขึ้นมาตั้งรกรากสร้างอารยธรรมของตัวเองอีกด้วย เชื่อกันว่าเคยมีกลุ่มอารยธรรมอเมริกัน-อินเดียขึ้นมาตั้งรกรากดังกล่าว ก่อนที่จะสลายไป แล้วภูเขาแห่งนี้มาถูกค้นพบอีกครั้งในยุคคนตื่นทอง นักสำรวจทองที่ชื่อว่า William Gladstone steel ได้ค้นพบสถานที่แห่งนี้ก่อนจะผลักดันให้กลายเป็นอุทยานแห่งชาติแบบทุกวันนี้
กิจกรรมท่องเที่ยว
ปัจจุบันอย่างที่บอกไปว่า อุทยานแห่งชาตินี้ได้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวมากมายที่มาเยี่ยมชมโดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนมีคนมาเที่ยวเยอะเลย ส่วนหนึ่งนอกจากจะเดินศึกษาธรรมชาติแล้ว ยังมีกิจกรรมมากมายในอุทยานแห่งชาตินี้ด้วย เริ่มจากสายเดินป่า สายท่องเที่ยวสำรวจธรรมชาติ เค้ามีเส้นทางเดินสำรวจรอบปากปล่องทั้งแบบง่าย ยาก ใกล้ ไกลให้เลือก หรือ หากจะเลือกล่องเรือชมทะเลสาบก็สามารถซื้อทัวร์ได้แต่ต้องจองล่วงหน้านานหน่อย สองกลุ่มจักรยานเค้าก็มีบริการให้เรานี่จักรยายสำรวจพื้นที่ได้ด้วยเช่นกัน สามนักตกปลาที่นี้เปิดให้เราเข้าไปตกปลาได้ปลาของที่นี่จะมีปลาแซลมอน กับปลาเรนโบว์เทราวท์เป็นหลัก สุดท้ายใครที่มีใบอนุญาตดำน้ำก็สามารถลงไปสำรวจใต้ทะเลสาบได้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ ใครอยากรู้ว่าทะเลสาบบนปากปล่องภูเขาไฟเป็นอย่างไร ก็ลองไปดูด้วยตาของตัวเองกันได้
