การท่องเที่ยวประเทศแถวอาเซียน ยุคนี้กลายเป็นเป้าหมายของใครหลายคน เนื่องจากแต่ละเมืองในประเทศอาเซียน มีทั้งความหลากหลาย สวยงาม และประวัติศาสตร์ ผสมผสานกันอยู่ในนั้นอย่างลงตัว การได้เห็นบ้านเรือน ที่มีทั้งเหมือน แตกต่างจากบ้านเรา นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก อีกหนึ่งเมืองที่ไม่ไกลจากไทยเราเท่าไรก็คือ เมืองจอร์จทาวน์
ข้อมูลเบื้องต้น
เมืองจอร์จทาวน์ ชื่อนี้อาจจะไม่คุ้นเท่าไร แต่ว่าถ้าบอกว่าเป็นเมืองปีนัง หลายคนน่าจะร้องอ๋อกันเลยทีเดียว เพราะว่าเมืองนี้ถือว่ามีชื่อเสียงอยู่มากในกลุ่มคนไทยทางภาคใต้ หรือ คนชอบเที่ยวก็อยากจะไปเยือนเมืองนี้สักครั้งหนึ่ง เมืองปีนัง เป็นเมืองหลวงของรัฐปีนัง(คนละความหมายกันนะ แม้จะชื่อเดียวกัน) โดยรัฐปีนัง เป็นอีกหนึ่งรัฐที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และประวัติศาสตร์จากประเทศมาเลเซีย รัฐแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะปีนัง เมืองปีนังขนาดถือว่าใหญ่พอสมควรมีประชากรประมาณ เจ็ดแสนคน ต่อพื้นที่เมือง 121 ตารางกิโลเมตร แต่ถ้าไปนับรวมพื้นที่ปริมณฑล(4,444 ตารางกิโลเมตร) ด้วยแล้ว จะมีประชากรมากถึงสองล้านคนทีเดียว นั่นทำให้พื้นที่ทางแถบนี้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ
ประวัติ
เรามาส่องประวัติศาสตร์ของเมืองนี้กันหน่อย ประวัติศาสตร์ช่วงที่สำคัญต้องเล่าถึงตัวละครหลักของเรื่องที่ชื่อว่า เซอร์ ฟรานซิส ไลท์ เค้าเป็นกัปตันเรือชาวอังกฤษ ค้นพบเกาะแห่งนี้เมื่อปี 1786 จากนั้นก็ขอเช่าเกาะนี้เพื่อทำการค้า แล้วก็เป็นท่าเรือในคราวเดียวกัน จากนั้นจูงใจในเรื่องของภาษี จนทำให้เกาะแห่งนี้มีความคึกคักมากจากท่าเรือ และการถ่ายเทสินค้า องค์ความรู้ จนทำให้เกาะแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นตามลำดับ จนกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เวลานั้น
แต่แล้วเกาะก็เจอคู่แข่งที่สำคัญอย่างมากก็คือ สิงคโปร์ ด้วยทำเลที่ดีกว่า นั่นทำให้สิงคโปร์ พัฒนาขึ้นมาได้ตามลำดับ สวนทางกับเมืองจอร์จทาวน์ที่ลดความนิยมลงไป ซ้ำร้ายมาเจอผลพวงของสงครามโลกครั้งที่สองไปอีก ทำให้เมืองจอร์จทาวน์แห่งนี้ซบเซาลงไปมากจนไม่สามารถดึงศักยภาพตัวเองให้ได้เท่ากับตอนนั้นอีกเลย
เมืองมรดกโลก
แม้ว่าจะซบเซาลงไปจากผลพวงของสงครามโลกครั้งที่สอง แต่พวกเค้าก็ได้รับสิ่งที่ดีมาทดแทนจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ก็คือเรื่องของเกาะที่สภาพสมบูรณ์มาก ไม่โดนทำลายเท่าไร จนทำให้เมืองจอร์จทาวน์แห่งนี้ได้เป็นเมืองแห่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปัจจุบันไปได้
การท่องเที่ยว
จากจุดเด่นเรื่องวัฒนธรรม อารยธรรม และสถาปัตยกรรมยุคเก่าก่อนที่ยังไม่โดนทำลายไปมากนัก ทำให้ตรงนี้กลายเป็นจุดเด่นของเมืองที่ทำให้คนจากทั่วโลกมาเที่ยวเยอะมาก เอาแค่การได้ส่องสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุกีส ตัดสลับกับสถาปัตยกรรมจีน สถาปัตยกรรมตะวันตก บอกเลยว่าเป็นเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใครในโลก ความแตกต่างที่เหมือนจะไปกันไม่ได้เป็นภาพที่เดินมองได้แบบไม่มีเบื่อ รวมถึงจุดไฮไลต์ของเมืองอย่าง วัดจีน มัสยิด อาคารทำการยุคอาณานิคม เป็นอาคารที่แตกต่างกันมาก แต่กลับมีเสน่ห์ของตัวเองให้เราเดินเที่ยวพร้อมกับถ่ายรูปได้อย่างไม่มีเบื่อ อีกจุดหนึ่งที่เมืองนี้มีจุดเด่นของเค้าก็คือ ศิลปะบนกำแพงที่มีรูปภาพแตกต่างหลากหลายมาก บางภาพเป็นแบบ สตรีทอาร์ทธรรมดา แต่บางภาพเป็นสตรีทอาร์แบบสามมิติที่ดูแบบเร็วๆ ก็พาลคิดว่าเป็นของจริงได้เหมือนกัน ไม่แปลกที่นักท่องเที่ยวจะถ่ายภาพตามกำแพงกันทั้งวันแบบไม่มีเหนื่อย พอเที่ยวเสร็จก็ไปหาของกินที่มีความหลากหลายตามวัฒนธรรม ราคาไม่แพง สำคัญคือมันอร่อย หากินยากอีกต่างหาก ด้วยจุดเด่นเหล่านี้จึงขอแนะนำเลยว่าถ้ามีเวลา เงินทอง โอกาส ปีนังน่าไปสักที